EN / TH

บริษัทมีการดำเนินการบริหารความเสี่ยงองค์กร (ERM) ตามมาตรฐาน ISO 31000 และการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM) ตามมาตรฐาน ISO 22301 การบริหารจัดการความเสี่ยงได้รับการปลูกฝังไปทั่วทั้งองค์กร โดยพนักงานทุกคนมีหน้าที่นำวิธีการบริหารความเสี่ยงไปใช้กับการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ผลตอบแทน และลดผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทให้น้อยที่สุด

การระบุความเสี่ยง
การประเมินความเสี่ยง
การควบคุมความเสี่ยง
การติดตามความเสี่ยง
การรายงานความเสี่ยง

แนวทางการบริหารความเสี่ยงด้านความยั่งยืน

ในปี 2566 บริษัทได้มีการปรับปรุงแนวปฏิบัติในการประเมินความเสี่ยงให้ครอบคลุมประเด็นด้านความยั่งยืนซึ่งประกอบด้วยประเด็นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

ทั้งนี้ การระบุหมวดหมู่ความเสี่ยง ESG ได้จัดทำตามแนวทางด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับภูมิอากาศ ดังนี้

สิ่งแวดล้อม
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำ
  • ของเสีย
  • การใช้ทรัพยากร
  • การตัดไม้ทำลายป่าและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
สังคม
  • การยอมรับความหลากหลาย ความแตกต่าง และการให้โอกาสอย่างเท่าเทียมกัน
  • พนักงานสัมพันธ์
  • สุขภาพและความปลอดภัย
  • สิทธิมนุษยชน
ธรรมาภิบาล
  • ค่าตอบแทนของผู้บริหาร
  • โครงสร้างและความหลากหลายของคณะกรรมการบริษัท
  • การบริจาคและการผลักดันนโยบายทางการเมือง
  • การติดสินบนและการทุจริต

การเสริมสร้างวัฒนธรรมด้านการบริหารความเสี่ยง

วัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงได้รับการปลูกฝังในทุกระดับ ตั้งแต่คณะกรรมการจนถึงหัวหน้าแผนก โดยมีการบังคับใช้อย่างสม่ำเสมอผ่านนโยบาย กรอบแนวทาง และโครงสร้าง คณะกรรมการ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง และหัวหน้าได้รับการฝึกอบรมด้านการบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ พนักงานได้รับการปลูกฝังการบริหารความเสี่ยงผ่านวัฒนธรรมองค์กร และได้รับการส่งเสริมตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานผ่านการฝึกอบรม การซ้อมแผน กิจกรรมต่างๆ และข่าวสารประชาสัมพันธ์ในบริษัท

บริษัทได้พัฒนา RedRadar ซึ่งเป็นระบบรายงานความเสี่ยง ช่วยให้ผู้จัดการฝ่ายบริหารความเสี่ยงสามารถรวบรวม วิเคราะห์ความเสี่ยง และประเมินประสิทธิผลของการปฏิบัติการบริหารความเสี่ยง เจ้าหน้าที่ความเสี่ยงจะรายงานความเสี่ยงและข้อปรับปรุง ซึ่งจะได้รับการทบทวนทุกไตรมาส โดยมุ่งเน้นไปที่ฝ่ายงานที่เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเป้าหมายธุรกิจ

แผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ

บริษัทได้พัฒนาการบริหารความต่อเนื่องธุรกิจ ตามมาตรฐานสากล ISO 22301: มาตรฐานการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ มาประยุกต์ใช้ในบริษัท และดำเนินการให้เกิดความต่อเนื่องทางธุรกิจสอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน และแผนฟื้นฟู ซึ่งทำให้บริษัทมีความพร้อมสำหรับการรับมือกับวิกฤต ลดผลกระทบต่อทรัพยากร และอำนวยความสะดวกในการกลับสู่ภาวะปกติของการดำเนินงานอย่างทันท่วงที เพื่อลดภัยคุกคามและสถานการณ์ที่อาจขัดขวางธุรกิจให้น้อยที่สุด

แต่ละแผนกจำเป็นต้องประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภัยพิบัติ และสร้างแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ แผนควรระบุเป้าหมายในการกอบกู้ ความรับผิดชอบ ขั้นตอนปฏิบัติ และทรัพยากรที่จำเป็น เช่น งบประมาณ ระบบ อุปกรณ์ บุคลากร และทางเลือกสำรอง แผนจำเป็นต้องกำหนดวิธีรับมือกับภัยคุกคามต่างๆ เช่น การชุมนุมประท้วง การก่อการร้าย เหตุการณ์อัคคีภัย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคระบาด การปิดท่าอากาศยาน ไฟฟ้าดับ และเหตุการณ์ระบบคอมพิวเตอรขัดข้อง บุคลากรจำเป็นต้องปฏิบัติตามแผนเหล่านี้ในภาวะวิกฤตเพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทยังมีความพยายามมุ่งเน้นไปที่ความยืดหยุ่นในการดำเนินงานเมื่อเผชิญกับภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศเช่นกัน โดยในปี 2566 จากการพัฒนาร่วมกับกลุ่ม Capital A บริษัทได้ปรับปรุงแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจเพื่อรับมือกับความท้าทายจากภัยพิบัติดังนี้:

คลื่นความร้อน
น้ำท่วม
ไฟป่า

การจัดการภาวะวิกฤติ

นอกจากนี้บริษัทได้ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยง ซึ่งถือว่าเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ต่างๆ รวมไปถึงภาวะวิกฤติหรือสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความสูญเสียหรือผลกระทบเชิงลบกับธุรกิจเป็นอย่างมาก เช่น กรณีอากาศยานอุบัติเหตุ (Aircraft accident) อากาศยานสูญหาย (Missing aircraft) การปล้นจี้อากาศยาน (Hijacking) การขู่วางระเบิด (Bomb threat) ภัยธรรมชาติ (Natural disaster) หรือรวมไปถึง ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข (Public health emergency) เป็นต้น สำหรับการจัดการภาวะวิกฤติหรือสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ บริษัทได้มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

1. การเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน

ในการเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน บริษัทได้จัดทำคู่มือแผนตอบโต้เหตุภาวะฉุกเฉิน (ERM) และแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินประจำทุกสนามบิน ซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดของ ICAO และแผนของสนามบินที่เกี่ยวข้อง บริษัทได้บรรจุการฝึกอบรมแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินไว้ในหลักสูตรสำหรับพนักงานทุกคน และจัดการซ้อมแผนฉุกเฉินเป็นประจำทุกปี

2. การโต้ตอบสถานการณ์ฉุกเฉิน

แผนรับรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน (ERP) ได้ระบุบทบาทเฉพาะสำหรับพนักงานในช่วงเกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้บริหารระดับสูงจะจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อตัดสินใจในประเด็นสำคัญ พนักงานในพื้นที่เหตุการณ์จะจัดตั้งศูนย์ตอบสนองต่างๆ เช่น ศูนย์ต้อนรับผู้รอดชีวิต ศูนย์ต้อนรับญาติผู้ประสบเหตุ และทีมดูแลนักบินและลูกเรือ ภายในเวลา 30 นาที ผู้จัดการสถานีจะประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ จากศูนย์ประสานงานสถานี สำหรับสถานที่ห่างไกล ทีมปฏิบัติการจากสำนักงานใหญ่ ประกอบด้วยทีมสอบสวน ทีมวิศวกร และทีมช่วยเหลือพิเศษ (SAT) สำหรับการฟื้นฟูจิตใจและให้คำปรึกษาแก่ผู้เคราะห์ร้ายและครอบครัว จะถูกส่งไปยังสถานที่เกิดเหตุ

3. การฟื้นฟูสถานการณ์

หลังจากสถานการณ์ฉุกเฉินเริ่มคลี่คลายผู้บริหารจะจัดตั้งทีมฟื้นฟูหลังภาวะวิกฤติเพื่อสรุปสถานการณ์และวางแผนการดำเนินการให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องตามแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจและเพื่อให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติได้เร็วที่สุด

ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่